หน่วยนิติการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี


หน่วยนิติการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี มีหน้าที่รับผิดชอบปฎิบัติภาระงานด้านกฎหมายของ มหาวิทยาลัย ได้แก่ การจัดทำนิติกรรม สัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดหาประโยชน์  ในที่ ราชพัสดุ หรือนิติกรรมสัญญาอื่น ที่มีผล ผูกพันมหาวิทยาลัย งานให้คำ ปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย งานติดตามหนี้ งานคดีความต่าง ๆ งานบังคับคดี งานร่าง และแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ของมหาวิทยาลัย งานสอบสวน และ ดำเนินการ ทางวินัย การอุทธรณ์ ร้องทุกข์ งานสอบสวน และดำเนินการ ตามกฎหมาย ว่าด้วยความรับผิด ทางละเมิด  งานสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการวินิจฉัยสั่งการ ของมหาวิทยาลัยและปฎิบัติงานอื่นตามที่ อธิการบดีมอบหมาย 

ติดต่อ หน่วยนิติการ



Powered byEMF Contact Form

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ







ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
   
          กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคืออะไร
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ.๒๕๓๐ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๒ และฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๐  โดยมีการหักเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ในอัตราฝ่ายละ ๒ % - ๑๕ % ของค่าจ้างรายเดือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกจ้างมีการออมทรัพย์ และเป็นสวัสดิการที่มั่นคง สำหรับชีวิตในวัยเกษียณอายุหรือเมื่อลาออกจากงาน และยังเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัว ในกรณีลูกจ้างเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอีกด้วย ซึ่งกองทุนดังกล่าวนี้มิได้บังคับ สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้ ตามความสมัครใจ
          วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน
๑.      เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง โดยเป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงแก่ลูกจ้างและครอบครัวว่าจะมีเงินก้อนไว้จับจ่ายใช้สอยหรือเลี้ยงชีพ หากต้องออกจากงานหรือครบเกษียณอายุ
๒.      เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของลูกจ้าง
๓.      เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้เกิดกับลูกจ้าง ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเป็นการจูงใจ ให้ลูกจ้างอยู่ทำงานกับนายจ้างนาน ๆ
          สิทธิประโยชน์ที่เกิดต่อสมาชิก
๑.      เป็นหลักประกันของชีวิต และส่งเสริมการออมทรัพย์
๒.      ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
Ø เงินสะสมที่สมาชิกจ่ายภายในปีภาษีนั้น ๆ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อน ในการคำนวณภาษีเงินได้ (หากเป็นการฝากกับธนาคาร ดอกเบี้ยที่ได้ จะถูกหัก ณ ที่จ่าย)
Ø ผลประโยชน์อันเกิดจากการนำกองทุนไปลงทุน จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ทำให้สมาชิกได้ผลประโยชน์จากกองทุนอย่างเต็มที่
๓.      มีความมั่นคงของกองทุน โดยกองทุนที่จดทะเบียนมีสภาพเป็นนิติบุคคล แยกต่างหากออกจากหน่วยงานเจ้าของกองทุนหากในอนาคต เกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของกองทุนมีปัญหาทางด้านการเงินหรือเลิกกิจการไป เจ้าหนี้ของหน่วยงานไม่มีสิทธิยึดเงิน ในกองทุนนี้ ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองในเงินส่วนสะสมของตน รวมทั้งเงินสมทบและผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ตนมีสิทธิ์จะได้รับอย่างเต็มที่
          สมาชิกจะได้รับเงินกองทุนเมื่อไร
          เมื่อสมาชิกลาออกจากกองทุน ผู้จัดการกองทุนต้องจ่ายเช็คระบุชื่อสมาชิกตามจำนวนที่ระบุในข้อบังคับกองทุน หลังจากหักภาษี ณ ที่จ่าย ส่งผ่านให้คณะกรรมการกองทุนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สิ้นสุดสมาชิกภาพ
          การจัดตั้งกองทุนทำอย่างไร
          การจัดตั้งกองทุนนั้นจะต้องเป็นความตกลงร่วมกันของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง   โดยนายจ้างอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้   เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะจัดตั้งกองทุนแล้วจะต้องไปจดทะเบียนจัดตั้งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)  
*************************************************************************
>> โครงสร้างของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ <<
          ๑. นายจ้าง
          เป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการก่อกำเนิดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากปราศจากนายจ้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้น นายจ้างจึงเป็นบุคคลที่มีความหวังดีต่อลูกจ้างในการให้สวัสดิการที่ดีเพื่อให้ลูกจ้างมีเงินก้อนไว้ใช้เมื่อเกษียณอายุ ออกจากงานหรือออกจากกองทุน นายจ้างทำหน้าที่หลักในการนำส่งเงินสะสมและสมทบเข้ากองทุน
          ๒.ลูกจ้าง
          เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขึ้น มีหน้าที่ยอมให้นายจ้างหักค่าจ้างเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนและต้องยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดในข้อบังคับกองทุน
          ๓. คณะกรรมการกองทุน
          คณะกรรมการกองทุนเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุด เป็นตัวแทนของนายจ้างและสมาชิกในการบริหารกองทุน ดูแลเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการประสานงานเพื่อจัดตั้งกองทุน คัดเลือกบริษัทจัดการ การกำหนดนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับโครงสร้างของกองทุน หรือแก้ไขข้อบังคับกองทุน เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญมากทีเดียว เนื่องจากอำนาจและหน้าที่บางอย่าง เช่น การแก้ไขข้อบังคับกองทุนจะมีผลผูกพันกับสมาชิกให้ต้องปฏิบัติตามและการกำหนดนโยบายการลงทุนจะมีผลต่อความมั่นคงและผลตอบแทนของกองทุน ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกบุคคลมาเป็นตัวแทนของนายจ้างหรือสมาชิกควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เลือกคนดีที่มีความรู้ความสามารถเป็นคนดีมีความตั้งใจจริง มีความเสียสละและสามารถอุทิศเวลาให้แก่เพื่อนๆ สมาชิกได้ในทำนองเดียวกัน คณะกรรมการกองทุนก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดด้วยความซื่อสัตย์สุจริตระมัดระวัง สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างและสมาชิก ทั้งนี้ คณะกรรมการกองทุนแบ่งเป็น
Ø คณะกรรมการกองทุนฝ่ายนายจ้าง นายจ้างจะเป็นคนแต่งตั้ง อาจจะไม่ได้เป็นลูกจ้างก็ได้
Ø คณะกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้าง มาจากการเลือกตั้งของลูกจ้าง คนที่ได้รับเลือกจากลูกจ้าง อาจไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนอยู่ก็ได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่จะกำหนดไว้ในข้อบังคับแต่ตามหลักแล้วคณะกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้างก็ควรจะเป็นสมาชิกอยู่ในกองทุนเอง เพราะคงไม่มีใครเข้าใจสมาชิกได้ดีเท่ากับสมาชิกด้วยกันเอง
          ๔. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
          หรือเรียกย่อๆ ว่า " สำนักงาน ก.ล.ต." ทำหน้าที่ควบคุมดูแลบุคคลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจัดการ ผู้รับฝากทรัพย์สิน และผู้สอบบัญชี เป็นต้นและอีกบทบาทหน้าที่หนึ่งคือทำหน้าที่ในฐานะนายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในการรับจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน การแก้ไขข้อบังคับกองทุนรวมทั้งควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนด้วย
          ๕. บริษัทจัดการ
          ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการเงินของกองทุน โดยนำไปลงทุนเพื่อให้ออกดอกออกผลเพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกกองทุน ดังนั้น คณะกรรมการกองทุนต้องร่วมกันเลือกบริษัทจัดการที่เหมาะสมเข้ามาบริหารจัดการกองทุน โดยบริษัทจัดการจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลด้วย
          ๖. ผู้สอบบัญชี
          ทำหน้าที่ตรวจสอบรายงานทางการเงิน รับรองความถูกต้องของข้อมูลตามรายงานทางการเงินของกองทุน ก่อนที่จะทำการเลือกผู้สอบบัญชีของกองทุน จะต้องทราบว่าสมาชิกในกองทุนมีจำนวนเท่าใด หากกองทุนที่มีจำนวนสมาชิกไม่เกิน ๑๐๐ ราย ให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตทั่วไปตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงินของกองทุนได้ แต่หากกองทุนมีสมาชิกเกิน ๑๐๐ ราย ต้องให้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงินของกองทุน
          ๗. ผู้รับฝากทรัพย์สิน
          ทำหน้าที่ดูแลและเก็บรักษาทรัพย์สินของกองทุน ติดตามสิทธิประโยชน์ในเรื่องเงินปันผล และสิทธิต่างๆ ที่ได้จากการถือหุ้นในบริษัทที่กองทุนลงทุน โดยผู้รับฝากทรัพย์สินต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.
          ๘. ผู้รับรองมูลค่า
          ทำหน้าที่ตรวจทานการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของบริษัทจัดการว่าถูกต้องหรือเป็นไป               ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ เนื่องจากข้อมูล NAV มีความสำคัญต่อการคำนวณจำนวนหน่วยสำหรับสมาชิก             ที่นำส่งเงินเข้ากองทุนและการจ่ายเงินให้แก่สมาชิกที่สิ้นสมาชิกภาพ โดยผู้รับรองมูลค่าต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.
          ๙. นายทะเบียนสมาชิก
          ทำหน้าที่รับเงินจากนายจ้างเข้ากองทุน จ่ายเงินจากกองทุนให้สมาชิกที่ลาออก จัดทำบัญชีรายชื่อสมาชิก จำนวนเงินสะสม เงินสมทบและผลประโยชน์ของสมาชิกแต่ละราย และจัดส่งรายงานรายตัวสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สมาชิกทราบทุกงวด ๖ เดือนของปีปฏิทิน โดยรายงานจะต้องแสดงจำนวนหน่วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มูลค่าต่อหน่วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มูลค่าของเงินสะสมของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสมทบของนายจ้าง พร้อมทั้งผลประโยชน์ของเงินสะสมและเงินสมทบ โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทจัดการมักจะทำหน้าที่นี้เอง แต่ก็อาจมอบหมายให้บริษัทอื่นที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ทำหน้าที่แทนก็ได้ โดยที่ผู้ปฏิบัติการกองทุนทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิก ดังนั้น จึงมักเรียกกันโดยทั่วไปว่า "นายทะเบียนสมาชิก”
          รูปแบบกองทุน                                                                                         
     โดยทั่วไปแล้วรูปแบบของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมี 2 ประเภท ได้แก่ กองทุนนายจ้างรายเดียว(single fund) หรือกองทุนเดี่ยว และกองทุนหลายนายจ้างร่วมกันจัดตั้ง (pooled fund) หรือกองทุนร่วม การที่จะเลือกเป็น Single Fund หรือ Pooled Fund คณะทำงานต้องพิจารณาดูให้ถ้วนถี่ในหลาย ๆ เรื่อง ลองเอาปัจจัยที่รวบรวมจากการสำรวจข้อมูลในขั้นตอนแรกมาชั่งน้ำหนักดูก่อน หากนายจ้างไม่ได้มีเงื่อนไข ขนาดและความต้องการที่ซับซ้อนมาก ก็อาจจะเหมาะสมกับการรวมตัวอยู่เป็นส่วนหนึ่งของ Pooled Fund ซึ่งหากเทียบกับการซื้อเสื้อผ้า ก็เข้าตำรา "เหมาโหลถูกกว่า" ด้วยมีระบบการบริหารที่ร่วมกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายได้ ในขณะที่ระบบ Single Fund ออกจะเป็นระบบ "สั่งตัด" ที่ทำเพื่อให้พอดีตัวคุณ โดยเฉพาะบริการหรือเงื่อนไขความต้องการที่สามารถกำหนดได้เอง แต่นั่นคือกองทุนต้องแบกรับภาระเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้เองทั้งหมด
          อย่างไรก็ดี ขนาดเงินของกองทุนขึ้นอยู่กับการตกลงกับบริษัทจัดการด้วย
          ตารางที่ ๑ เปรียบเทียบความต่างของกองทุนเดี่ยว (single fund) และกองทุนร่วม (pooled fund)

          กลไกบริหารงานกองทุน
            กลไกสำคัญของการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็คือ คณะกรรมการกองทุน ซึ่งจะมีที่มาจาก 2 ฝ่ายสำคัญ คือ กรรมการกองทุนฝ่ายนายจ้าง มาจากการแต่งตั้งของนายจ้าง และกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้างมาจากการเลือกตั้งของลูกจ้างในฐานะสมาชิกกองทุน ซึ่งคณะกรรมการกองทุนของกองทุนเดี่ยวและ Pooled Fund จะมีบทบาทที่แตกต่างกัน
          คณะกรรมการกองทุนในระบบกองทุนเดี่ยว จะมีหน้าที่ในการคัดเลือกและทำสัญญากับบริษัทจัดการ ผู้รับฝากทรัพย์สิน ผู้สอบบัญชี เสนอแก้ไขข้อบังคับกองทุน รวมทั้งประสานงานกับบุคคลอื่น ๆ
          คณะกรรมการกองทุนในระบบกองทุนร่วม คณะกรรมการกองทุนของแต่ละบริษัทจะมีบทบาทในด้านการกำหนดหรือแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับเฉพาะส่วนของบริษัทตน เช่น อัตราเงินสะสมและสมทบ การจ่ายเงินสมทบ และผลประโยชน์เมื่อสิ้นสมาชิกภาพ ในขณะที่งานหลักในด้านการบริหาร การกำหนดนโยบายและข้อบังคับหลักจะตกอยู่กับบริษัทจัดการ
          รูปที่ ๑ กลไกบริหารงานกองทุนและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุน

            อย่างไรก็ดี นอกจากจะทำหน้าที่ต่าง ๆ เองแล้ว คณะกรรมการกองทุนยังสามารถมอบหมายให้บริษัทจัดการทำหน้าที่แทนได้ในส่วนของการคัดเลือกผู้รับฝากทรัพย์สิน ผู้สอบบัญชี รวมทั้งมอบหมายให้บริษัทจัดการเป็นตัวแทนในการยื่นขอจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือขอแก้ไขข้อบังคับกองทุนกับสำนักงาน ก.ล.ต.

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏ



 ตามที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี จัดการประชุมชี้แจงและรับฟังความเห็นของพนักงานมหาวิทยาลัยและพนักงานราชการ ทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมหาวิทยาลัย พื่อเป็นระบบสวัสดิการสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยและพนักงานราชการสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ตามแนวทางในการที่จะร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏ ตามมติที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในการประชุมครั้งที่ 5(92)/2554  เพื่อให้การดำเนินการจัดตั้งกองทุนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยถูกต้องตามหลักการและอยู่บนพื้นฐานของการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ตามหลักธรรมาภิบาล เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 โดยมีผู้ร่วมประชุมทั้งสิ้น 153 ราย คิดเป็นร้อยละ 65.95 ของของพนักงานมหาวิทยาลัยและพนักงานราชการทั้งทั้งหมดของมหาวิทยาลัย โดยเปิดรับฟังความเห็นใน 4 ประเด็นหลักนั้น ผลการรับฟังความคิดเห็นเป็น ดังนี้

   1.ร้อยละ  92.59 เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

   2.ร้อยละ  92.59 เห็นด้วยกับการเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศจะร่วมกันจัดตั้ง ตามมติที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในการประชุมครั้งที่ 5(92)/2554

   3.ร้อยละ 50.00 เห็นด้วยกับการกำหนดการนำส่งเงินสะสม ในอัตราร้อยละ 2 ของอัตราค่าจ้างในแต่ละเดือนและ

     ร้อยละ 38.89 เห็นด้วยกับการกำหนดการนำส่งเงินสมทบ ในอัตราร้อยละ 3 ของอัตราค่าจ้างในแต่ละเดือน

  4. ร้อยละ 65.62 เห็นด้วยกับการกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ในส่วนของเงินสมทบแก่สมาชิก ในรูปแบบการกำหนด อายุงาน/อายุสมาชิกขั้นต่ำเพียงขั้นเดียว
      ร้อยละ 32.45 เห็นด้วยกับการกำหนดอายุงาน/อายุสมาชิกขั้นต่ำ 1 ปี สำหรับการจ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ในส่วนของเงินสมทบ 100 %